เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วที่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี เนื่องจากว่าเป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง ซึ่งจะช่วยลดอัตราการดูดซึมไขมันเข้าร่างกายได้ และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้อิ่มท้องได้ง่าย
ดังนั้นการรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์วันละนิดเป็นประจำก็จะช่วยให้ คุณควบคุมน้ำหนักได้และช่วยลดปริมาณอาหารที่คุณต้องรับประทานต่อมื้อได้ คงจะเห็นกันได้ว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เป็นถั่วอีกชนิดที่มีคุณประโยชน์มากมาย เรียกได้เลยว่ามีทุกอย่างครบครันความอร่อยและคุณประโยชน์เลยทีเดียว
ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ดี ทั้งลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สามารถช่วยรักษารูปร่างให้สมส่วนได้ เพราะมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้การรับประทานถั่วเป็นประจำจะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย (ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารพิวรีนน้อยหรือไม่มีเลย
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ นิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของประเทศอินเดีย เวียดนาม และบราซิลอีกด้วย (90% ของการส่งออกทั่วโลกมาจากสามประเทศนี้)
- ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ทั้งผลดิบและผลสุก
- ผลห่ามมะม่วงหิมพานต์ ทางภาคใต้ของไทยนิยมนำใช้ทำแกงส้ม หรือใช้ยำ
- มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ผลดิบใช้รับประทานร่วมกับเกลือเป็นของกินเล่นได้
- ผลสุกสามารถนำไปหมักทำไวน์ ทำน้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ได้
- เมล็ด สามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว อบเนย อบน้ำผึ้ง เป็นต้น และสามารถนำไปประกอบอาหารได้ เมนูเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แหนมผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหู้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมจีนผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
- ใบอ่อน ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือ แกงเผ็ด ลาบ ก้อย ขนมจีนน้ำยาได้
- ใบแก่สามารถนำมาขยี้และใช้สีฟันได้
- ประโยชน์ของเปลือกเมล็ดสกัดเป็นน้ำมัน ในด้านการแพทย์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเหน็บชา วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคเลือดคั่ง โรคเรื้อน โรคผิวหนัง หูด ตาปลา และส้นเท้าแตกได้
- ประโยชน์ของเปลือกเมล็ด ก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านความงามได้ เช่น ใช้ลอกหน้าที่เกิดจากการตกกระ (แต่อาจส่งผลเสียได้) เป็นต้น
- ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น แยม ผลไม้กวน เครื่องดื่ม น้ำมะม่วงหิมพานต์ ไวน์ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
- ผลของมะม่วงหิมพานต์มีกลิ่นต่างๆ ถึง 20 กลิ่น จึงสามารถนำมาสกัดทำเป็นหัวน้ำหอมได้
(ข้อมูลจาก : http://student.st.ac.th AND เดลินิวส์ออนไลน์)
สาระน่ารู้ สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์
- หุ่นสวยด้วยเม็ดมะม่วง หิมพานต์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง ช่วยลดอัตราการดูดซึมไขมันเข้าร่างกาย และมีคุณสมบัติช่วยให้อิ่มท้อง ลดปริมาณอาหารที่ทานในแต่ละวัน และไขมันในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นไขมันชนิดดีมีประโยชน์ต่อร่างการ ช่วยให้คุณหุ่นสวยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์
- แพทย์ในอินเดียใช้เมล็ดเลี้ยงเด็กทารกที่อายุเกิน 6 ขวบ เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้เร็วและแข็งแรง
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยธาตุทองแดง จึงช่วยบำรุงเส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างดี
- สรรพคุณเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีธาตุแมกนีเซียมในปริมาณมาก จึงช่วยบำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้
- การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำจะช่วยลดป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
- การวิจัยในบราซิลและอินเดียพบว่า สารสกัดจากเปลือกต้น และสารสกัดจากส่วนเหนือดินของต้น สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเลือดได้
- เมล็ดมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทรวงอกได้
- แมกนีเซียมจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยให้ลดความดันโลหิตได้
- เมล็ดมีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก จึงช่วยในการป้องกันโรคไขมันตับและไม่สะสมในร่างกายมากจนเกินไป จึงไม่ทำให้อ้วน
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีแมกนีเซียมสูง โดยแร่ธาตุชนิดจะช่วยในการทำงานของหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยป้องอาการหมดเรี่ยวแรงได้เป็นอย่างดี
- ช่วยรักษาโรคฟันผุ บรรเทาอาการเสียวฟัน หรือปวดฟันได้ เนื่องจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีกรดอนาร์ดิก ที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฟันผุได้ แต่อย่างไรก็ดีการแปลงฟันก็ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากกรดชนิดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
- กรดอนาร์ดิกในเม็ด มะม่วงหิมพานต์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโรคอื่น ๆได้ เช่น วัณโรค โรคเรื้อน กำจัดเชื้อโรคที่พบในสิว เป็นต้น(ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
- ชาวโบลีเวียเชื่อว่า น้ำจากผลสามารถช่วยกระตุ้นสมองแล้วทำให้มีความจำดีขึ้น (ผล)
- ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคประสาทพิการ และช่วยแก้โรคปวดตามข้อได้ (ผล)
- มะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณช่วยลดไข้ (ผล,ใบ)
- ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน (ยางจากต้น)
- ช่วยแก้อาการปวดฟัน ใช้กลั้วคอล้างปาก (เปลือกต้น)
- ใบสดนำมาเผาไฟ แล้วสูดดมควันจะช่วยรักษาและบรรเทาอาการไอ และอาการเจ็บคอได้ (ใบสด)
- ช่วยแก้อาเจียน รักษาแผลในช่องปาก (น้ำจากผล)
- สรรพคุณ มะม่วงหิมพานต์ช่วยในการขับเหงื่อ (น้ำจากผล)
- เมล็ดนำมาคั่วโรยเกลือรับประทานเป็นยาแก้อาการบวมน้ำได้ (เมล็ดคั่ว)
- การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี (เมล็ด)
- รากมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยแก้ท้องร่วงและเป็นยาฝาดสมาน (ราก)
- ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง (ยอด,ใบ)
- ในบราซิลนินมนำผลมาทำเป็นไวน์ เพราะเชื่อว่ามันสามารถช่วยรักษาโรคบิดเรื้อรังได้ (ผล)
- ใบยอดอ่อนมีสรรพคุณช่วยสมานแผลในลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการของโรคท้องร่วงได้ (ใบ)
- น้ำคั้นจากผล ใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) (น้ำคั้นจากผล,เมล็ดคั่ว)
- การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วได้ (เมล็ด)
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงได้ (ใบ)
- สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์ช่วยต้านกามโรค (น้ำจากผล)
- ใช้รักษาโรคผิวหนังพุพองและกามโรคเข้าข้อได้ (เปลือกต้น)
- ใช้เป็นยาแก้ปวดเนื่องจากรำมะนาด (เปลือกต้น)
- ใช้ เป็นยารักษาหูด ด้วยการใช้ยางจากผลสดที่ยังไม่สุก 1 ผล ที่เด็ดออกมาใหม่ ๆ แล้วใช้ยางทาตรงบริเวณที่เป็นหูด ทาเป็นประจำจนกว่าจะหาย (ยางจากผลสด,ยางจากต้น)
- ช่วยทำลายตาปลา ช่วยกัดทำลายเนื้อด้านที่เป็นปุ่มโต หรือโรคเท้าแตกได้ ด้วยการใช้ยางจากต้นสดทาบริเวณที่เป็นตาปลาหรือเนื้อด้านบ่อย ๆ จนกว่าจะหาย (ยางจากต้น)
- เมล็ดใช้ผสมเป็นยารับประทาน ช่วยแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน โรคเรื้อน ทำให้หนังชา (เมล็ด,น้ำมันจากเมล็ด)
- น้ำมัน สกัดจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณใช้เป็นพิษต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะเชื้อหนองชนิด Staphylococus (การสูดดมน้ำมันชนิดนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง มีพิษรุนแรง และควรระวังเมื่อต้องใช้กับเด็ก)
- ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบแก่นำมาบดใส่บริเวณที่เป็นแผล (ใบแก่)
(ข้อมูลจาก : http://www.cashewthai.com)
Basic Report: 12087, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ ต่อ 100 กรัม (คุณค่าทางโภชนาการ)
Cashew nut Nutrient
( โภชนาการทางอาหารเม็ดมะม่วงหิมพานต์) |
Unit | Cashew nuts
100 g |
Cashew nuts 1 oz
(ออนซ์,ounce) |
|||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Proximates (ปริมาณกลุ่มสาร) | ||||||||||
Water (น้ำ) | g (กรัม) | 5.20 | 1.47 | |||||||
Energy (พลังงาน) | kcal (กิโลแคลอรี่) | 553 | 157 | |||||||
Protein (โปรตีน) | g (กรัม) | 18.22 | 5.17 | |||||||
Total lipid (fat) (ไขมันทั้งหมด) | g (กรัม) | 43.85 | 12.43 | |||||||
Carbohydrate, by difference (คาร์โบไฮเดรต) | g (กรัม) | 30.19 | 8.56 | |||||||
Fiber, total dietary (ใยอาหารทั้งหมด) | g (กรัม) | 3.3 | 0.9 | |||||||
Sugars, total (น้ำตาลทั้งหมด) | g (กรัม) | 5.91 | 1.68 | |||||||
Minerals (แร่ธาตุ) | ||||||||||
Calcium, Ca (แคลเซียม) | mg (มิลลิกรัม) | 37 | 10 | |||||||
Iron, Fe (เหล็ก) | mg (มิลลิกรัม) | 6.68 | 1.89 | |||||||
Magnesium, Mg (แมกนีเซียม) | mg (มิลลิกรัม) | 292 | 83 | |||||||
Phosphorus, P (ฟอสฟอรัส) | mg (มิลลิกรัม) | 593 | 168 | |||||||
Potassium, K (โพแทสเซียม) | mg (มิลลิกรัม) | 660 | 187 | |||||||
Sodium, Na (โซเดียม) | mg (มิลลิกรัม) | 12 | 3 | |||||||
Zinc, Zn (สังกะสี) | mg (มิลลิกรัม) | 5.78 | 1.64 | |||||||
Vitamins (วิตามิน) | ||||||||||
Vitamin C, total ascorbic acid | mg (มิลลิกรัม) | 0.5 | 0.1 | |||||||
Thiamin (ไทอะมิน หรือ วิตามินบี 1) | mg (มิลลิกรัม) | 0.423 | 0.120 | |||||||
Riboflavin (ไรโบฟลาวิน หรือ วิตามินบี 2) | mg (มิลลิกรัม) | 0.058 | 0.016 | |||||||
Niacin (ไนอาซิน หรือ วิตามินบี 3) | mg (มิลลิกรัม) | 1.062 | 0.301 | |||||||
Vitamin B-6 | mg (มิลลิกรัม) | 0.417 | 0.118 | |||||||
Folate, DFE (โฟเลต) | µg (ไมโครกรัม) | 25 | 7 | |||||||
Vitamin B-12 | µg (ไมโครกรัม) | 0.00 | 0.00 | |||||||
Vitamin A, RAE | µg (ไมโครกรัม) | 0 | 0 | |||||||
Vitamin A, IU | IU | 0 | 0 | |||||||
Vitamin E (alpha-tocopherol) | mg (มิลลิกรัม) | 0.90 | 0.26 | |||||||
Vitamin D (D2 + D3) | µg (ไมโครกรัม) | 0.0 | 0.0 | |||||||
Vitamin D | IU | 0 | 0 | |||||||
Vitamin K (phylloquinone) | µg (ไมโครกรัม) | 34.1 | 9.7 | |||||||
Lipids (ไขมัน) | ||||||||||
Fatty acids, total saturated (กรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด) | g (กรัม) | 7.783 | 2.206 | |||||||
Fatty acids, total monounsaturated (กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวทั้งหมด) | g (กรัม) | 23.797 | 6.746 | |||||||
Fatty acids, total polyunsaturated (กรดไขมันไม่อิ่มตัวทั้งหมด) | g (กรัม) | 7.845 | 2.224 | |||||||
Cholesterol (คอเลสเตอรอล) | mg (มิลลิกรัม) | 0 | 0 |
ปล. I.U. (International Unit) เป็นหน่วยวัดมาตรฐานสากลซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้อ้างอิงเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
สารออกฤทธิ์แต่ละชนิด เช่น เมื่อวิตามิน (vitamin) ออกฤทธิ์ในร่างกาย ซึ่งกำหนดโดย World Health Organization (WHO)
(ข้อมูลจาก : http://www.foodnetworksolution.com AND USDA Nutrient database)
(ข้อมูลภาพจาก: https://en.wikipedia.org)
ท่านใดที่นำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิตทาง
(กันเองมะม่วงหิมพานต์ http://www.easycashew.com) ด้วย ขอบคุณค่ะ (^/\^)